Signal ช่วยให้คุณรักษาหมายเลขโทรศัพท์ให้เป็นส่วนตัวจากคนที่พูดคุยด้วยบน Signal บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของหมายเลขโทรศัพท์ รวมถึงวิธีใช้ชื่อผู้ใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ และวิธียืนยันตัวตนคนที่คุณพูดคุยด้วยบน Signal
การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของหมายเลขโทรศัพท์
หากคุณใช้งาน Signal เวอร์ชัน 7.0 ขึ้นไป ให้ไปที่การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัว > หมายเลขโทรศัพท์
นี่คือหน้าตาของค่าเริ่มต้นในระบบสำหรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของหมายเลขโทรศัพท์:
ผู้ใช้ที่ทราบหมายเลขโทรศัพท์ของคุณจะสามารถใช้หมายเลขนั้นค้นหาคุณบน Signal ได้ แต่คนคนนั้นจะไม่เห็นหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในหน้าข้อมูลโปรไฟล์ เว้นแต่ว่าเขาจะบันทึกเบอร์คุณไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์
คนที่สามารถเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของฉัน
การตั้งค่านี้เป็นตัวกำหนดว่าคุณจะอนุญาตให้แสดงหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในหน้าข้อมูลโปรไฟล์ของ Signal หรือไม่
หากคุณเลือก “คนที่สามารถเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของฉัน” เป็น “ทุกคน” ระบบจะแสดงหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในหน้าข้อมูลโปรไฟล์ และคนที่คุณพูดคุยด้วยบน Signal จะเห็นข้อมูลนี้
ดูการตั้งค่านี้ในรูปแบบวิดีโอที่บล็อกของเรา
หากคุณเลือก “ไม่อนุญาตให้ใครเห็น” คนที่คุณพูดคุยด้วยบน Signal จะไม่เห็นหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในหน้าข้อมูลโปรไฟล์ เว้นแต่ว่าคนคนนั้นจะบันทึกเบอร์คุณไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์ โดยการตั้งค่านี้เป็นค่าเริ่มต้นของระบบ
หากคุณไม่ต้องการให้ใครเห็นหมายเลขโทรศัพท์ ไม่ว่าคนคนนั้นจะบันทึกเบอร์คุณไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์หรือไม่ คุณสามารถเลือก “คนที่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ค้นหาฉันได้” เป็น “ไม่อนุญาตให้ใครค้นหา” การตั้งค่านี้จะซ่อนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณไม่ให้ใครเห็น อย่างไรก็ดี นี่จะทำให้การใช้งาน Signal ไม่สะดวกเท่าที่ควร รวมถึงทำให้คนที่รู้จักคุณไม่ทราบว่าสามารถติดต่อกับคุณทาง Signal ได้
คนที่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ค้นหาฉันได้
การตั้งค่านี้จะให้คุณกำหนดว่าจะอนุญาตให้คนที่ทราบหมายเลขโทรศัพท์ของคุณสามารถค้นหาหมายเลขนั้นบน Signal แล้วส่งข้อความหาคุณเมื่อเห็นว่าคุณเป็นผู้ใช้ Signal ได้หรือไม่
ค่าเริ่มต้นจะกำหนดให้ “คนที่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ค้นหาฉันได้” เป็น “ทุกคน” ซึ่งหมายความว่าคนที่ทราบหมายเลขโทรศัพท์ของคุณจะสามารถค้นหาคุณด้วยหมายเลขโทรศัพท์ได้ ซึ่งนี่เป็นรูปแบบการทำงานของ Signal มาโดยตลอด การเปิดโอกาสให้ผู้ใช้มองเห็นอย่างง่ายดายว่าตนสามารถพูดคุยกับใครได้บ้างเป็นหนึ่งในวิธีที่ Signal ทำให้การส่งข้อความที่ถูกเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายสำหรับผู้คนนับล้าน
หาก “คนที่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ค้นหาฉันได้” ถูกตั้งค่าเป็น “ทุกคน” ผู้ใช้ที่ทราบหมายเลขโทรศัพท์คุณจะสามารถพิมพ์เบอร์นั้นลงในหน้าแชทใหม่เพื่อส่งคำขอส่งข้อความ ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะตอบรับ ลบ หรือบล็อก
ดูการตั้งค่านี้ในรูปแบบวิดีโอที่บล็อกของเรา
หากคุณเปลี่ยนค่าเริ่มต้นและเลือก “ไม่อนุญาตให้ใครค้นหา” ผู้ใช้ที่ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์คุณในหน้าแชทใหม่จะเห็นข้อความแจ้งว่าหมายเลขโทรศัพท์นั้นของคุณไม่มีความเกี่ยวข้องกับบัญชี Signal โดยผู้ใช้จะเห็นหน้าข้อความแจ้งนี้ แม้ว่าเขาจะบันทึกเบอร์คุณไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์ก็ตาม
หากคุณตั้งค่า “คนที่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ค้นหาฉันได้” เป็น “ไม่อนุญาตให้ใครค้นหา” คนที่จะสามารถติดต่อคุณบน Signal ได้จะต้องทราบชื่อผู้ใช้ที่เฉพาะเจาะจงและครบถ้วนของคุณ นี่จะทำให้คนที่รู้จักคุณไม่ทราบว่าสามารถส่งข้อความหาคุณบน Signal ได้
การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของหมายเลขโทรศัพท์จะมีผลกับผู้ติดต่อทุกคน คุณไม่สามารถเลือกที่จะแสดงหมายเลขโทรศัพท์เฉพาะกับผู้ใช้คนใดคนหนึ่งหรือสมาชิกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้
คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าทั้งหมดนี้ได้ทุกเมื่อ
ชื่อผู้ใช้
ชื่อผู้ใช้เป็นวิธีเริ่มต้นการติดต่อบน Signal โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ
ชื่อผู้ใช้ Signal มีการใช้งานแตกต่างจากชื่อผู้ใช้บนโซเชียลมีเดียอื่นๆ
ชื่อผู้ใช้ไม่ใช่ชื่อโปรไฟล์ที่จะถูกแสดงในแชท ทั้งยังไม่ใช่ชื่อถาวร และจะไม่ถูกเปิดเผยต่อคนที่คุณพูดคุยด้วยบน Signal
คุณยังต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์ในการสมัครใช้งาน Signal แม้ว่าคุณจะต้องการใช้ชื่อผู้ใช้ในการเริ่มต้นแชทกับคนอื่นๆ ในแอปก็ตาม
การสร้างชื่อผู้ใช้
คุณสามารถสร้างชื่อผู้ใช้โดยการไปที่การตั้งค่าโปรไฟล์ แล้วพิมพ์ชื่อผู้ใช้ที่ต้องการ
ชื่อผู้ใช้เป็นฟีเจอร์เสริม นั่นหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องสร้างชื่อผู้ใช้ก็ได้ และหากคุณตั้งค่า “คนที่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ค้นหาฉันได้” เป็น “ทุกคน” ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น คุณจะสามารถเลือกได้ว่าจะแชร์หมายเลขโทรศัพท์หรือชื่อผู้ใช้ให้กับคนที่อยากติดต่อสื่อสารด้วย
ชื่อผู้ใช้นั้นแตกต่างจากชื่อโปรไฟล์ เพราะต้องเป็นชื่อเฉพาะที่ไม่ซ้ำใคร ชื่อผู้ใช้แต่ละชื่อต้องลงท้ายด้วยตัวเลขอย่างน้อย 2 หลัก และหากคุณต้องการก็สามารถเลือกตัวเลขนี้เองได้
เมื่อสร้างชื่อผู้ใช้เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถแชร์ชื่อนั้นได้ด้วย 3 วิธี นั่นคือบอกชื่อผู้ใช้ของคุณ แชร์คิวอาร์โค้ด หรือแชร์ลิงก์ URL โดยลิงก์ URL จะไม่แสดงข้อมูลตัวอักษรในชื่อผู้ใช้ของคุณ
Signal ไม่สามารถมองเห็นหรือสร้างชื่อผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับหมายเลขโทรศัพท์ของบัญชี Signal ได้โดยง่าย
หากได้รับข้อมูลตัวอักษรของชื่อผู้ใช้ Signal จะสามารถเชื่อมโยงชื่อผู้ใช้นั้นกับบัญชี Signal ที่ผูกติดอยู่กับชื่อผู้ใช้ ณ เวลานั้น อย่างไรก็ดี ภายในเวลาไม่นานหลังจากที่มีการเปลี่ยนหรือลบชื่อผู้ใช้ ชื่อนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับบัญชี Signal อีกต่อไป
การเปลี่ยนชื่อผู้ใช้
ชื่อผู้ใช้ถูกออกแบบมาให้เปลี่ยนแปลงได้ คุณสามารถใช้ชื่อเดิมไปตลอดหรือเปลี่ยนชื่อบ่อยแค่ไหนก็ได้
คุณสามารถมีชื่อผู้ใช้ได้ครั้งละหนึ่งชื่อเท่านั้น
หากคุณเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ จะไม่มีใครสามารถนำชื่อผู้ใช้เดิมของคุณไปใช้ได้ภายในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังเปลี่ยนชื่อ และเมื่อช่วงเวลานั้นผ่านไป ชื่อนั้นจะถูกผู้อื่นนำไปใช้ได้
คุณสามารถเปลี่ยนคิวอาร์โค้ดและลิงก์ URL โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ได้
การเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ต่างจากการเปลี่ยนชื่อโปรไฟล์ โดยเมื่อคุณสร้างชื่อใหม่ เปลี่ยนชื่อ หรือลบชื่อผู้ใช้ ระบบจะไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ผู้ติดต่อและกลุ่มของคุณทราบ การเปลี่ยนหรือลบชื่อผู้ใช้จะไม่ส่งผลต่อแชทของคุณกับคนที่ติดต่อคุณด้วยผ่านทางชื่อผู้ใช้เดิม
หากมีการเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ ระบบไม่จะไม่บังคับให้คุณเปลี่ยนชื่อผู้ใช้
การติดต่อผ่านทางชื่อผู้ใช้
คุณเริ่มต้นแชทผ่านทางชื่อผู้ใช้ได้โดยการพิมพ์ชื่อผู้ใช้ให้ถูกต้องและครบถ้วน (รวมถึงตัวเลขต่อท้าย) ลงในหน้าแชทใหม่
โทรศัพท์ของคุณ | โทรศัพท์ของผู้ติดต่อ | |
1. คุณค้นหาชื่อผู้ใช้ที่เฉพาะเจาะจง | ||
2. คุณส่งข้อความหาชื่อผู้ใช้ที่เฉพาะเจาะจงนี้ คนคนนั้นจะเห็นคำขอส่งข้อความ |
||
3. คนคนนั้นตอบรับคำขอส่งข้อความของคุณ คุณจะเห็นชื่อและรูปโปรไฟล์ของคนคนนั้นแทนที่ชื่อผู้ใช้ |
||
4. คุณจะเห็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าพิมพ์อยู่ (หากคุณทั้งคู่เปิดใช้งานการตั้งค่านี้) เมื่อผู้ติดต่อพิมพ์ข้อความ | ||
5. คุณจะเห็นแชทมาตรฐานของ Signal ที่แสดงชื่อโปรไฟล์ |
คุณจะส่งคำขอส่งข้อความไปยังผู้ติดต่อผ่านทางชื่อผู้ใช้ ซึ่งผู้ติดต่อสามารถเลือกที่จะตอบรับ ลบ หรือบล็อกคำขอของคุณ เมื่อผู้ติดต่อตอบรับคำขอของคุณ คุณจะเห็นชื่อโปรไฟล์ของคนคนนั้นแทนที่ชื่อผู้ใช้ โดยผู้ติดต่อจะเห็นเฉพาะชื่อโปรไฟล์ของคุณแต่จะไม่เห็นชื่อผู้ใช้ของคุณ
เมื่อคุณติดต่อกันผ่านทางชื่อผู้ใช้สำเร็จแล้ว คุณจะไม่เห็นชื่อผู้ใช้ในโปรไฟล์ของคนคนนั้นอีก
ชื่อเล่นและโน้ต
คุณสามารถบันทึกชื่อเล่นที่กำหนดเองของผู้ติดต่อที่คุณที่พูดคุยด้วยบน Signal รวมถึงเพิ่มโน้ตลงในโปรไฟล์ของคนคนนั้น เพื่อระบุข้อมูลต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณจดจำรายละเอียดสำคัญของผู้ติดต่อคนนั้นได้
ชื่อเล่นและข้อมูลในโน้ตจะถูกเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และจะมีแค่คุณเท่านั้นที่เห็นข้อมูลเหล่านี้
หลังจากที่คุณกำหนดชื่อเล่นให้ผู้ติดต่อแล้ว คุณจะยังคงเห็นชื่อที่ผู้ติดต่อคนนั้นเลือกใช้อยู่ในวงเล็บ
การบล็อก
รูปแบบการทำงานของการบล็อกที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของหมายเลขโทรศัพท์:
คุณสามารถบล็อกคำขอส่งข้อความที่ส่งมาทางหมายเลขโทรศัพท์หรือชื่อผู้ใช้ โดยเมื่อคำขอถูกบล็อก คนคนนั้นจะไม่สามารถติดต่อคุณได้อีก แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ของตัวเองก็ตาม
คุณสามารถบล็อกผู้ติดต่อในแชทส่วนตัวหรือแชทกลุ่มได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าคุณหรือคนคนนั้นจะตั้งค่าการรักษาความเป็นส่วนตัวของหมายเลขโทรศัพท์ไว้แบบใด
การบล็อกบน Signal หมายความว่าคนที่คุณบล็อกจะไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ บนโปรไฟล์คุณ รวมถึงการเปลี่ยนการตั้งค่าการแสดงหมายเลขโทรศัพท์ของคุณด้วย
เนื่องจากผู้ติดต่อที่ถูกบล็อกจะไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในโปรไฟล์ Signal ของคุณ หากผู้ติดต่อคนนั้นสามารถเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ ณ ตอนที่คุณบล็อกเขา คนคนนั้นก็จะยังสามารถเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของคุณหลังจากที่ถูกคุณบล็อกด้วยเช่นกัน การดำเนินการจะเป็นเช่นนี้เสมอแม้ว่าคุณจะตั้งค่า “คนที่สามารถเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของฉัน” ไว้เป็น “ไม่อนุญาตให้ใครเห็น” หลังจากที่บล็อกคนคนนั้นแล้ว (สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของหมายเลขโทรศัพท์ก่อนที่จะบล็อกคนคนนั้น โดยคุณสามารถกลับไปเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวได้หลังบล็อกผู้ติดต่อแล้ว)
เครื่องมือช่วยยืนยันตัวตน
เรามีหลายวิธีที่จะช่วยคุณตรวจสอบตัวตนของคนที่คุณพูดคุยด้วยบน Signal การตรวจสอบนี้สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกรณีที่คุณไม่ทราบหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งเป็นข้อมูลที่อาจช่วยยืนยันตัวตนของคนที่คุณติดต่อสื่อสารด้วย เราขอแนะนำให้คุณใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยเหล่านี้ในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ติดต่อที่คุณคุยด้วยเป็นคนคนนั้นจริงๆ
แชทแต่ละแชทจะมีหมายเลขความปลอดภัยเฉพาะตัวที่เชื่อมโยงกับแชทนั้น โดยทั้งคุณและคนที่คุณพูดคุยด้วยจะสามารถเข้าถึงหมายเลขดังกล่าวได้ การเทียบหมายเลขความปลอดภัยว่าตรงกันหรือไม่เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยยืนยันตัวตนของคนที่คุณพูดคุยด้วย
คุณจะต้องใช้ช่องทางอื่นเพิ่มเติมจาก Signal ในการเทียบหมายเลขดังกล่าว นี่จะช่วยให้คุณยืนยันได้ว่าคนที่คุณคุยด้วยเป็นคนคนนั้นจริงๆ ตัวอย่างเช่น หากมีคนที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนเก่าส่งข้อความหาคุณบน Signal การเทียบหมายเลขความปลอดภัยของ Signal ผ่านอีเมลของเพื่อนคนนั้นหรือส่งข้อความทางโซเชียลมีเดียหาเพื่อนคนนั้นโดยตรงจะช่วยยืนยันได้ว่าคุณไม่ได้กำลังพูดคุยอยู่กับผู้แอบอ้าง นั่นเป็นเพราะการเทียบหมายเลขผ่านช่องทางอื่นจะทำได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายต้องสามารถเข้าถึงบัญชีอื่นของตัวเองนอกเหนือจาก Signal คุณยังสามารถเทียบหมายเลขความปลอดภัยกับผู้ติดต่อได้แบบต่อหน้า ผ่านทางอีเมลหรือข้อความส่วนตัว รวมถึงทางโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล เป็นต้น
สำหรับการดูหมายเลขความปลอดภัยของแชท ให้คลิกที่โปรไฟล์ของผู้ติดต่อซึ่งอยู่ด้านบนของแชทแล้วเลื่อนไปที่ดูหมายเลขความปลอดภัย คุณจะเห็นชุดตัวเลขสำหรับใช้ในการเปรียบเทียบหรือคิวอาร์โค้ดที่สามารถสแกนได้
นอกจากนี้ ในแอปยังมีจุดสังเกตอื่นๆ ที่จะช่วยยืนยันตัวตนของผู้ติดต่ออีกด้วย
การเปิดดูโปรไฟล์ของผู้ติดต่อจะทำให้คุณเห็นได้ทันทีว่าคุณกับคนนั้นมีกลุ่มร่วมกันหรือไม่ ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะในตอนที่คุณได้รับคำขอส่งข้อความ หากคุณไม่มีกลุ่มร่วมกัน คุณจะเห็นลิงก์ที่แนะนำเคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยซึ่งจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการหลอกลวงหรือกลโกงต่างๆ ได้
คุณยังสามารถคลิกที่ลูกศรข้างชื่อโปรไฟล์ของคนคนนั้นเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม อาทิ ดูว่าคุณกับเขามีกลุ่มร่วมกันหรือไม่ คุณเคยส่งข้อความส่วนตัวหาเขาหรือไม่ เขาเป็นเครือข่าย Signal หรือไม่ หรือว่าเขาอยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์คุณหรือไม่ [เครือข่าย Signal คือคนที่คุณเริ่มต้นแชทด้วย ตอบรับคำขอส่งข้อความ หรือคนที่คุณบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์]
ในแชทกลุ่ม คุณจะเห็นการแจ้งเตือนหากสมาชิกในกลุ่มมีชื่อเหมือนกัน ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนเพิ่มเติมจากข้อความที่แนะนำให้คุณตรวจสอบเมื่อมีชื่อซ้ำ
ในหน้าการตรวจสอบ คุณจะเห็นว่าคุณมีกลุ่มอื่นๆ ร่วมกันด้วยหรือไม่ และจะเห็นว่ามีสมาชิกกลุ่มคนอื่นเพิ่งเปลี่ยนชื่อโปรไฟล์หรือไม่
จากในหน้านั้น หากคุณมีอำนาจในฐานะผู้ดูแลกลุ่ม คุณจะสามารถบล็อกหรือลบสมาชิกออกจากกลุ่มได้
เรียนรู้เพิ่มเติม:
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บล็อกโพสต์และคำถามเพิ่มเติมที่พบบ่อยของเรา