Signal ต้องได้รับสิทธิ์เพื่อให้บริการบางฟีเจอร์ อาทิ การแชร์รูปภาพ หรือการแสดงรายชื่อผู้ติดต่อ คุณสามารถดูได้ว่าสิทธิ์เหล่านี้ถูกใช้งานอย่างไร ด้วยการตรวจสอบรหัสต้นทาง Signal ให้บริการแบบโอเพ่นซอร์สอย่างเต็มรูปแบบและจะดำเนินงานเช่นนี้ตลอดไป รหัสของเราได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทด้านความปลอดภัยบุคคลที่สามและนักวิจัยอิสระ นี่เป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้เรายึดมั่นในสถานะโอเพ่นซอร์ส เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและละเอียดถี่ถ้วนอยู่เสมอ
แอนดรอยด์
ตัวเลือกการแจ้งเตือนของระบบปฏิบัติการ
วิธีจัดการหรือปิดใช้งาน Smart Reply ที่ขึ้นมาพร้อมการแจ้งเตือน
• สำหรับ Android 10 และ 11 ให้ไปที่แอปการตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอปและการแจ้งเตือน > การแจ้งเตือน > ขั้นสูง > เปิดหรือปิดการใช้งานฟีเจอร์แนะนำการดำเนินการและคำตอบ
• สำหรับ Android 12 ขึ้นไป ให้ไปที่แอปการตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การแจ้งเตือน > เปิดหรือปิดการใช้งานการแจ้งเตือนขั้นสูง (Enhanced notifications)
วิธีจัดการตัวเลือกการแจ้งเตือนในหน้าจอล็อก
• ไปที่แอปการตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอปและการแจ้งเตือน > การแจ้งเตือน > ขั้นสูง
สิทธิ์
วิธีจัดการสิทธิ์บนโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 ขึ้นไป:
• ไปที่แอปการตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอปและการแจ้งเตือน > (อาจแตกต่างจากนี้ ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของคุณ) > Signal > สิทธิ์ของแอป (อาจแตกต่างจากนี้ ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของคุณ) > เปิดใช้สิทธิ์
คำขอสิทธิ์
ข้อมูลตัวตน | |
ค้นหาบัญชีบนอุปกรณ์ | อนุญาตให้ Signal ค้นหาบัญชีและตรวจหาผู้ติดต่อ Signal โดยสามารถดูบัญชีเหล่านี้ได้ในส่วนบัญชี ในการตั้งค่าระบบ Android ของคุณ |
อ่านการ์ดข้อมูลผู้ติดต่อของตัวเอง | การเข้าถึงการ์ดข้อมูลผู้ติดต่อของตัวเองทำให้ Signal สามารถเชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์ของคุณเข้ากับชื่อของคุณได้ |
แก้ไขการ์ดข้อมูลผู้ติดต่อของตัวเอง | Signal สามารถเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ไปยังผู้ติดต่อที่มีอยู่เดิม รวมถึงสร้างข้อมูลผู้ติดต่อใหม่ได้เช่นกัน |
ปฏิทิน | |
อ่านกิจกรรมบนปฏิทิน รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล | ดูด้านล่าง |
เพิ่มหรือแก้ไขกิจกรรมบนปฏิทิน และส่งอีเมลหาผู้เข้าร่วมโดยที่ไม่ต้องแจ้งให้เจ้าของกิจกรรมทราบ | สิทธิ์ในการเข้าถึงปฏิทินจะทำให้คุณสามารถแชร์กิจกรรมบนปฏิทินในข้อความกับเพื่อนได้ |
ผู้ติดต่อ | |
ค้นหาบัญชีในอุปกรณ์ |
อนุญาตให้ Signal ค้นหาบัญชีและตรวจหาผู้ติดต่อ Signal โดยสามารถดูบัญชีเหล่านี้ได้ในส่วนบัญชี ในการตั้งค่าระบบ Android ของคุณ |
อ่านรายชื่อผู้ติดต่อของคุณ | การเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อของคุณทำให้ Signal เชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์ของสายโทรเข้ากับชื่อ และแสดงข้อมูลผู้ติดต่อเมื่อคุณเลือกผู้รับข้อความ |
แก้ไขรายชื่อผู้ติดต่อของคุณ | Signal สามารถเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ไปยังผู้ติดต่อที่มีอยู่เดิม รวมถึงสร้างข้อมูลผู้ติดต่อใหม่ได้เช่นกัน |
ที่ตั้ง | |
ตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆ (อ้างอิงจากเครือข่าย) | ดูด้านล่าง |
ตำแหน่งที่ตั้งแม่นยำ (อ้างอิงจากเครือข่ายและ GPS) | ทำให้คุณสามารถแชร์ตำแหน่งปัจจุบันกับเพื่อนทางข้อความได้ นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อรองรับการถ่ายโอนบัญชีผ่าน Wi-Fi Direct |
SMS | |
อ่านข้อความของคุณ (SMS หรือ MMS) | ดูด้านล่าง |
รับข้อความ (MMS) | ดูด้านล่าง |
รับข้อความ (SMS) | ดูด้านล่าง |
ส่งข้อความ SMS | ดูด้านล่าง |
แก้ไขข้อความของคุณ (SMS หรือ MMS) | ก่อนหน้านี้ คุณสามารถใช้ Signal แทนที่แอปพลิเคชันส่งข้อความทั้งหมดบนโทรศัพท์ เราจึงต้องให้บริการส่งและรับข้อความพื้นฐาน (SMS และ MMS) ในปัจจุบัน คุณสามารถส่งออกข้อความ SMS ที่มีอยู่เดิมไปยังแอป SMS/MMS แอปใหม่ และสิทธิ์เหล่านี้ทำให้ฐานข้อมูลดังกล่าวรองรับการเขียนหรือการเปลี่ยนแปลง อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเลิกการให้บริการ SMS ที่นี่ |
โทรศัพท์ | |
โทรหาหมายเลขโทรศัพท์โดยตรง | ดูด้านล่าง |
เปลี่ยนเส้นทาง (Reroute) ของสายโทรออก | อนุญาตให้จัดการการโทรทั้งกับสายที่เป็นส่วนตัวและสายที่ไม่ปลอดภัย อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำจัดการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัยได้ที่นี่ |
อ่านประวัติการโทร | ใช้เพื่อแสดงรายชื่อผู้ติดต่อล่าสุดในตอนที่คุณร่างข้อความใหม่จากเมนูแชร์ |
อ่านสถานะของโทรศัพท์และข้อมูลตัวตน | อนุญาตให้ Signal ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์และรหัส Device ID ของคุณ เราใช้ข้อมูลนี้ในการลงทะเบียนเพื่อใช้งาน Signal อนุญาตให้จัดการการโทรในระหว่างที่ใช้สายที่เป็นส่วนตัวและมีสายที่ไม่ปลอดภัยโทรเข้า อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำจัดการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัยได้ที่นี่ |
รูปภาพ/สื่อ/ไฟล์ | |
อ่านเนื้อหาในที่จัดเก็บ USB ของคุณ | ดูด้านล่าง |
แก้ไขหรือลบเนื้อหาในที่จัดเก็บ USB ของคุณ | Signal จัดเก็บฐานข้อมูลที่ได้รับการเข้ารหัสไว้บนมือถือคุณ เมื่อคุณได้รับรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความเสียง ไฟล์เหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้บนมือถือคุณเช่นกัน สิทธิ์เหล่านี้จำเป็นต่อการเปิดใช้งานฟังก์ชันการสำรองข้อมูล |
พื้นที่จัดเก็บ | |
อ่านเนื้อหาในที่จัดเก็บ USB ของคุณ | ดูด้านล่าง |
แก้ไขหรือลบเนื้อหาในที่จัดเก็บ USB ของคุณ | Signal จัดเก็บฐานข้อมูลที่ได้รับการเข้ารหัสไว้บนมือถือคุณ เมื่อคุณได้รับรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความเสียง ไฟล์เหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้บนมือถือคุณเช่นกัน สิทธิ์เหล่านี้จำเป็นต่อการเปิดใช้งานฟังก์ชันการสำรองข้อมูล |
กล้อง | |
ถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ | Signal มีฟีเจอร์ถ่ายภาพโดยตรง ซึ่งคุณสามารถถ่ายภาพจากในแอปแล้วส่งในข้อความได้ทันที สิทธิ์นี้จำเป็นต่อการใช้งานวิดีโอคอล |
ไมโครโฟน | |
บันทึกเสียง | ทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงคุณในสายโทรเสียงและวิดีโอคอล และใช้ในการบันทึกข้อความเสียง |
ข้อมูลการเชื่อมต่อ Wi-Fi | |
ดูการเชื่อมต่อ Wi-Fi | การส่งและรับข้อความ Signal ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต และไม่ได้ใช้ระบบเดิมอย่าง SMS/MMS นี่ยังเป็นการทำให้ Signal รับทราบเมื่อไม่สามารถให้บริการได้ สิทธิ์นี้เคยจำเป็นต่อการใช้รับข้อความ SMS, MMS และข้อความ Signal ภายใต้รูปแบบเครือข่ายที่หลากหลาย (อาทิ 3G, WiFi หรือ LTE เป็นต้น) อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเลิกการให้บริการ SMS ที่นี่ |
รหัส Device ID และข้อมูลการโทร | |
อ่านสถานะของโทรศัพท์และข้อมูลตัวตน | อนุญาตให้ Signal ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์และรหัส Device ID ของคุณ เราใช้ข้อมูลนี้ในการลงทะเบียนเพื่อใช้งาน Signal |
อื่น | |
ส่งข้อความบรอดแคสต์โดยอิงจากการรับ WAP-PUSH | เคยใช้เพื่อแจ้งสถานะการส่ง SMS/MMS อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเลิกการให้บริการ SMS ที่นี่ |
รับข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต | ดูด้านล่าง |
ดูการเชื่อมต่อเครือข่าย | การส่งและรับข้อความ Signal ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต และไม่ได้ใช้ระบบเดิมอย่าง SMS/MMS นี่ยังเป็นการทำให้ Signal รับทราบเมื่อไม่สามารถให้บริการได้ สิทธิ์นี้เคยจำเป็นต่อการใช้รับข้อความ SMS, MMS และข้อความ Signal ภายใต้รูปแบบเครือข่ายที่หลากหลาย (อาทิ 3G, WiFi หรือ LTE เป็นต้น) อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเลิกการให้บริการ SMS ที่นี่ |
สร้างบัญชีและตั้งรหัสผ่าน | อนุญาตให้ Signal สร้างบัญชีบนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งดูได้ที่การตั้งค่าระบบ > บัญชี |
จับคู่กับอุปกรณ์บลูทูธ | อนุญาตให้เชื่อมต่อกับบลูทูธระหว่างใช้งานการโทร |
ส่ง Sticky Broadcast | เพื่อให้ Signal สามารถทำงานร่วมกับแอปอื่นๆ บนมือถือคุณได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น คุณจะยังสามารถรับข้อความได้แม้แบตเตอรี่ต่ำ หรือในการแนบรูปภาพ ระบบจะส่งคำขอเข้าถึงรูปภาพในอุปกรณ์คุณ |
เปลี่ยนการเชื่อมต่อเครือข่าย | ดูด้านล่าง |
เชื่อมต่อและเลิกเชื่อมต่อ Wi-Fi | การส่งและรับข้อความ Signal ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต และไม่ได้ใช้ระบบเดิมอย่าง SMS/MMS นี่ยังเป็นการทำให้ Signal รับทราบเมื่อไม่สามารถให้บริการได้ สิทธิ์นี้เคยจำเป็นต่อการใช้รับข้อความ SMS, MMS และข้อความ Signal ภายใต้รูปแบบเครือข่ายที่หลากหลาย (อาทิ 3G, WiFi หรือ LTE เป็นต้น) อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเลิกการให้บริการ SMS ที่นี่ นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อรองรับการถ่ายโอนบัญชีผ่าน Wi-Fi Direct |
ปิดใช้งานล็อกหน้าจอ | อนุญาตให้ Signal ปลดล็อกหน้าจอไว้ระหว่างที่มีการโทร |
เข้าถึงเครือข่ายทั้งหมด | การส่งและรับข้อความ Signal ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต และไม่ได้ใช้ระบบเดิมอย่าง SMS/MMS นี่ยังเป็นการทำให้ Signal รับทราบเมื่อไม่สามารถให้บริการได้ สิทธิ์นี้เคยจำเป็นต่อการใช้รับข้อความ SMS, MMS และข้อความ Signal ภายใต้รูปแบบเครือข่ายที่หลากหลาย (อาทิ 3G, WiFi หรือ LTE เป็นต้น) อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเลิกการให้บริการ SMS ที่นี่ |
เปลี่ยนการตั้งค่าเสียงของคุณ | ใช้สำหรับการแจ้งเตือนด้วยเสียง |
อ่านการตั้งค่าซิงค์ | ทำให้แอปรับข้อความได้ตรงตามเวลา |
ทำงานเมื่อเปิดเครื่อง | ทำให้ Signal สามารถรับข้อความได้ตอนที่โทรศัพท์เพิ่งเปิดเครื่อง แม้ผู้ใช้จะยังไม่ได้เปิดแอป Signal ก็ตาม หากไม่มีสิทธิ์นี้ อาจส่งผลให้การรับข้อความล่าช้า |
ตั้งภาพพื้นหลัง | อนุญาตให้แอปตั้งภาพพื้นหลัง ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งรูปภาพที่มีคนส่งมาให้เป็นภาพพื้นหลังได้โดยตรงจากใน Signal |
ใช้บัญชีบนอุปกรณ์ | อนุญาตให้ Signal เพิ่มบัญชีบนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งดูได้ที่การตั้งค่าระบบ > บัญชี |
ควบคุมการสั่น | ใช้สำหรับการแจ้งเตือนแบบสั่น |
ป้องกันไม่ให้อุปกรณ์พักหน้าจอ | อนุญาตให้ Signal ใช้งานอุปกรณ์ได้เสมอในระหว่างที่ให้บริการบางอย่าง เช่น ส่งหรือรับข้อความ |
เลือกเปิดหรือปิดการซิงค์ | ใช้เพื่อตรวจสอบว่ารายชื่อผู้ติดต่อของคุณได้รับการอัปเดตล่าสุดแล้ว และนี่ยังเป็นมาตรฐานของระบบ Android ปัจจุบันในการจัดการกับการซิงค์ข้อมูล ซึ่งดูได้ที่การตั้งค่าระบบ > บัญชี |
iOS
วิธีจัดการสิทธิ์บน iPhone:
- ไปที่
การตั้งค่า iPhone > Signal
คำขอสิทธิ์
ที่ตั้ง | ทำให้คุณสามารถแชร์ตำแหน่งปัจจุบันกับเพื่อนทางข้อความได้ |
ผู้ติดต่อ | ทำให้คุณสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ติดต่อของคุณ และแสดงชื่อผู้ติดต่อ |
รูปภาพ | ทำให้แอปสามารถส่งรูปภาพหรือวิดีโอที่จัดเก็บไว้ในโทรศัพท์ของคุณ |
เครือข่ายอุปกรณ์ | อนุญาตให้ Signal ถ่ายโอนบัญชีของคุณไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ได้โดยตรง การตั้งค่านี้จะไม่ถูกใช้งานเว้นแต่ว่าคุณเจาะจงเลือกที่จะเริ่มถ่ายโอนไปยังอุปกรณ์ใหม่ |
ไมโครโฟน | ทำให้สามารถบันทึกข้อความเสียง และทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงคุณในสายโทรเสียงและวิดีโอคอล |
กล้อง | ต้องใช้ในการโทรวิดีโอคอล และใช้ถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอ |
การแจ้งเตือน | แจ้งให้คุณทราบเมื่อได้รับข้อความหรือมีสายโทรเข้า |
รีเฟรชแอปพื้นหลัง | อนุญาตให้ Signal รับข้อความและการโทรได้ตรงตามเวลา หากไม่มีสิทธิ์นี้ อาจส่งผลให้การส่งและรับข้อความล่าช้า ต้องปิดใช้โหมดพลังงานต่ำจึงจะใช้งานได้ |
อินเทอร์เน็ตมือถือ | อนุญาตให้ Signal รับข้อความและการโทรได้ตรงตามเวลา หากไม่มีสิทธิ์นี้ อาจส่งผลให้การส่งและรับข้อความล่าช้า |
การตั้งค่าอื่นๆ ของ iPhone
โหมดพลังงานต่ำ | อาจส่งผลต่อความสามารถในการรับข้อความและการโทรได้ตรงตามเวลา หรือขั้นตอนการถ่ายโอนบัญชีไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ |
ไปที่ |
การจำกัด | การจำกัดเหล่านี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการแก้ไขสิทธิ์อื่นๆ หรือการรับข้อความและการโทรได้ตรงตามเวลา หากไม่มีสิทธิ์นี้ อาจส่งผลให้การส่งและรับข้อความล่าช้า |
ไปที่ |
เวลาหน้าจอ | การจำกัดเหล่านี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการแก้ไขสิทธิ์อื่นๆ หรือการรับข้อความและการโทรได้ตรงตามเวลา หากไม่มีสิทธิ์นี้ อาจส่งผลให้การส่งและรับข้อความล่าช้า | ไปที่ |
เดสก์ท็อป
ไปที่การตั้งค่ากำหนดใน Signal สำหรับเดสก์ท็อปเพื่อจัดการสิทธิ์:
การตั้งค่า Signal >
ค่ากำหนด… > การอนุญาต
- อนุญาตให้เข้าถึงไมโครโฟน
ทำให้สามารถบันทึกข้อความเสียง ทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงคุณในสายโทรเสียงและวิดีโอคอล - อนุญาตให้เข้าถึงกล้อง
ทำให้อีกฝ่ายเห็นคุณในวิดีโอคอล
คำขอสิทธิ์สำหรับระบบปฏิบัติการ
กล้อง | ทำให้อีกฝ่ายเห็นคุณในวิดีโอคอล | macOS: เลือกที่เมนู Apple > การตั้งค่าระบบ > คลิกความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว > เลือกความเป็นส่วนตัว > เลือกกล้อง > คลิกเลือกช่องที่อยู่ถัดจาก Signal ทั้งนี้ ต้องรีสตาร์ท Signal เพื่อรองรับการตั้งค่านี้ |
ไมโครโฟน | ทำให้สามารถบันทึกข้อความเสียง และทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงคุณในวิดีโอคอลและสายโทรเสียง | macOS: เลือกที่เมนู Apple > การตั้งค่าระบบ > คลิกความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว > เลือกความเป็นส่วนตัว > เลือกไมโครโฟน > คลิกเลือกช่องที่อยู่ถัดจาก Signal ทั้งนี้ ต้องรีสตาร์ท Signal เพื่อรองรับการตั้งค่านี้ |
การแจ้งเตือน | แจ้งให้คุณทราบเมื่อได้รับข้อความหรือมีสายโทรเข้า | macOS: เลือกที่เมนู Apple > การตั้งค่าระบบ จากนั้นคลิกที่ การแจ้งเตือน > เลือก Signal ในช่องซ้ายแล้วเลือกตัวเลือกที่ต้องการ |
บันทึกหน้าจอ | ทำให้คุณสามารถแชร์ทั้งหน้าจอ หรือเฉพาะหน้าต่างแอปพลิเคชันก็ได้ | macOS Catalina เวอร์ชัน 10.15 ขึ้นไป: เลือกที่เมนู Apple > การตั้งค่าระบบ > คลิกความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว > เลือกความเป็นส่วนตัว > เลือกบันทึกหน้าจอ > คลิกเลือกช่องที่อยู่ถัดจาก Signal ทั้งนี้ ต้องรีสตาร์ท Signal เพื่อรองรับการตั้งค่านี้ |