หมายเหตุ:
- แอปจะแจ้งเตือนการแสดงความรู้สึกก็ต่อเมื่อคุณเลือกแสดงชื่อและข้อความในการแจ้งเตือนเท่านั้น จัดการตัวเลือกนี้ได้ในการตั้งค่า Signal > การแจ้งเตือน
- ผู้ใช้ macOS จะเห็นการแจ้งเตือนว่า "ข้อความใหม่" สำหรับข้อความที่จะหายไปทั้งหมด ไม่ว่าจะตั้งค่าไว้แบบใดในการตั้งค่า Signal > การตั้งค่าระบบ > การแจ้งเตือน
หัวข้อที่คุณอาจสนใจ
- วิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการรับข้อความ
- วิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการส่งข้อความ
- วิธีแก้ไขปัญหาในการโทร
- ตัวเลือกการแจ้งเตือนในแอป
แอนดรอยด์
ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาจะแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการและรุ่นของโทรศัพท์
วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
- ตรวจสอบว่าโทรศัพท์ของคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่
- โทรศัพท์คุณไม่ได้อยู่ในโหมดเครื่องบิน โดยไปที่การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต > เปิดหรือปิดโหมดเครื่องบิน
- คุณเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือไว้แล้ว
- หากคุณใช้ Wi-Fi ขององค์กรหรือสถาบันการศึกษาที่จำกัดการเข้าถึงด้วยไฟร์วอลล์ ให้ติดต่อผู้ดูแลเครือข่าย
- ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการของคุณอนุญาตให้มีการเชื่อมต่อ WebSocket
- ตรวจสอบว่า VPN หรือแอปอื่นๆ ของคุณไม่ได้จำกัดความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของ Signal
- อัปเดตเป็น Signal Android เวอร์ชันล่าสุด
- อัปเดตแอปบริการ Google Play บนโทรศัพท์คุณ
- อัปเดตแอป Android System Webview บนโทรศัพท์คุณ
- อัปเกรดระบบปฏิบัติการ Android เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีให้บริการสำหรับอุปกรณ์คุณ
- ตรวจสอบว่าการตั้งค่าวันและเวลาบนโทรศัพท์นั้นถูกต้องตามเขตเวลาของคุณ โดยเทียบเวลาได้ที่ https://www.time.gov/ หรือ https://time.is/
- ตรวจสอบว่ามีการแจ้งเตือนในแถบหรือถาดข้อความแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ Android ของคุณ
- ตรวจสอบว่าคุณอนุญาตให้มีการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์
- การตั้งค่า Android > แอป (ผู้ใช้บางคนอาจต้องเลือก "จัดการแอป" ต่อจากขั้นตอนนี้) > Signal > เลือกให้แสดงการแจ้งเตือน
- การตั้งค่า Signal > การแจ้งเตือน > เปิดใช้งานการแจ้งเตือนข้อความ
- ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้บล็อกผู้ติดต่อคนนั้น
- ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ปิดการแจ้งเตือนสำหรับผู้ติดต่อหรือแชทกลุ่มนั้น
- ตรวจสอบว่า Signal เดสก์ท็อปที่เชื่อมโยงอยู่ของคุณเปิดดูข้อความนั้นแล้วหรือไม่
- ตรวจสอบว่าคุณมีพื้นที่ว่างบนหน่วยความจำของเครื่องและไม่ใช่บนการ์ด SD โดยคุณสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ด้วยการลบแอปที่ไม่ได้อยู่บนการ์ด SD
- ตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้งาน Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับช่วงเวลาที่โทรศัพท์อยู่ในโหมดสลีป การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > Wi-Fi > ขั้นสูง > เปิด Wi-Fi ไว้เสมอระหว่างพักเครื่อง
การตั้งค่าตามระบบปฏิบัติการ
Android 5
- ตรวจสอบว่าเปิดใช้งานการแจ้งเตือนสำหรับ Signal แล้ว
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > เสียงและการแจ้งเตือน > แอป/การแจ้งเตือนแอปพลิเคชัน > Signal > ตรวจสอบว่าไม่มีการปิดกั้นแอปอยู่
- ตรวจสอบว่าคุณอนุญาตให้ Signal ทำงานได้ในระหว่างที่เปิดโหมด ‘ห้ามรบกวน’
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > เสียงและการแจ้งเตือน > แอป/การแจ้งเตือนแอปพลิเคชัน > Signal > เปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบความสำคัญสูง (Set as Priority)
- เปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลพื้นหลัง
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การใช้ข้อมูล > การใช้ข้อมูลมือถือ > Signal > ข้อมูลพื้นหลัง > เปิดใช้งานการใช้ข้อมูลไม่จำกัด
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การใช้ข้อมูล > เมนู > ตรวจสอบว่าอนุญาตให้ Signal ทำงานได้ในกรณีที่คุณเลือก 'จำกัดข้อมูลพื้นหลังของแอป'
Android 6
- ตรวจสอบว่าอนุญาตคำขอสิทธิ์สำหรับ Signal ครบทุกรายการแล้ว
- แอปการตั้งค่าของ Android > แอปและการแจ้งเตือน > (อาจแตกต่างจากนี้ ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของคุณ) > Signal > สิทธิ์ของแอป (อาจแตกต่างจากนี้ ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของคุณ) > เปิดใช้สิทธิ์
- ตรวจสอบว่าคุณอนุญาตให้ Signal ทำงานได้ในระหว่างที่เปิดโหมด ‘ห้ามรบกวน’
- แอปการตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > เสียง > ห้ามรบกวน > ปิดใช้งาน
- ตรวจสอบว่า Signal ไม่รวมอยู่ในรายการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่
- ไอคอนแถบเครื่องมือการตั้งค่าขั้นสูง > การเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ > เลือก 'แอปทั้งหมด' > Signal > เลือก 'ไม่เพิ่มประสิทธิภาพ’ > เสร็จสิ้น > รีสตาร์ทโทรศัพท์คุณ
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > ไอคอนแถบเครื่องมือการตั้งค่าขั้นสูง > การเข้าถึงพิเศษ > การเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ > เลือก 'แอปทั้งหมด' > Signal > เลือก 'ไม่เพิ่มประสิทธิภาพ’
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > เมนู > การเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ > เลือก 'แอปทั้งหมด' > Signal > เลือก 'ไม่เพิ่มประสิทธิภาพ’
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > ไอคอนแถบเครื่องมือการตั้งค่าขั้นสูง > ยกเว้นการเพิ่มประสิทธิภาพ > เลือก 'แอปทั้งหมด' > Signal > เลือก 'อนุญาต’
- เปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลพื้นหลัง
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การใช้ข้อมูล > การใช้ข้อมูลมือถือ > Signal > ข้อมูลพื้นหลัง > เปิดใช้งานการใช้ข้อมูลไม่จำกัด
Android 7
- ทำตามขั้นตอนของ Android 6 ที่ระบุไว้ด้านบน
- เปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลพื้นหลัง
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การใช้ข้อมูล > การประหยัดอินเทอร์เน็ต > ไม่ต้องดำเนินการต่อหากปิดใช้งานการประหยัดอินเทอร์เน็ตไว้แล้ว แต่หากเปิดใช้งานการประหยัดอินเทอร์เน็ตเอาไว้ ให้ไปที่การเข้าถึงที่ไม่จำกัด > เปิดใช้สำหรับ Signal
Android 8
- ทำตามขั้นตอนของ Android 6 ที่ระบุไว้ด้านบน
- อนุญาตให้ Signal ทำงานในพื้นหลัง
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > ข้อมูลแอป > แตะที่แอปของเรา > แบตเตอรี่ > เปิดใช้ตัวเลือก 'กิจกรรมพื้นหลัง'
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การใช้ข้อมูล > การประหยัดอินเทอร์เน็ต > ไม่ต้องดำเนินการต่อหากปิดใช้งานการประหยัดอินเทอร์เน็ตไว้แล้ว แต่หากเปิดใช้งานการประหยัดอินเทอร์เน็ตเอาไว้ ให้ไปที่การเข้าถึงที่ไม่จำกัด > เปิดใช้สำหรับ Signal
Android 9 และเวอร์ชันใหม่กว่า
- ทำตามขั้นตอนของ Android 6 ที่ระบุไว้ด้านบน
- ตรวจสอบการตั้งค่าแบตเตอรี่ การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > การตั้งค่าแบบปรับอัตโนมัติ > ปิดใช้งานแบตเตอรี่แบบปรับได้
การตั้งค่าตามรุ่นโทรศัพท์
Asus/ZenFone
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การจัดการพลังงาน > ตัวจัดการการเริ่มต้นอัตโนมัติ > หน้าที่ดาวน์โหลด > เลือก 'อนุญาต' สำหรับ Signal
HTC
- แอป Boost+ > เพิ่มประสิทธิภาพแอปพื้นหลัง > Signal > เลือก 'ปิด'
Huawei
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > แอป > Signal > รายละเอียดการใช้พลังงาน > เปิดแอป > ตั้งให้จัดการด้วยตัวเอง แล้วเปิดใช้ตัวเลือกดังต่อไปนี้: การเปิดแอปอัตโนมัติ, การเปิดจากแอปอื่น และการทำงานเป็นแอปพื้นหลัง
- แอป Phone Manager > ตัวจัดการแบตเตอรี่ (หรือ Energy Saver) > แอปที่มีการปกป้อง > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การตั้งค่าขั้นสูง > ตัวจัดการแบตเตอรี่ (หรือ Energy Saver) > แอปที่มีการปกป้อง > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แถบ 'ทั้งหมด' > แอปที่มีการปกป้อง > เปิดใช้สำหรับ Signal
- แอป Phone Manager > แอปที่มีการปกป้อง > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > ขั้นสูง/การเข้าถึงพิเศษ > ยกเว้นการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ > แอปทั้งหมด (แตะดูรายการ) > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > เปิดแอป > Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > Signal > การใช้ข้อมูล > ข้อมูลพื้นหลัง > เปิดใช้งาน
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แผงการแจ้งเตือนและแถบสถานะ > ศูนย์การแจ้งเตือน จากนั้นค้นหา Signal และเปิดใช้งานการอนุญาตการแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนแบบความสำคัญสูง
Lenovo
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > ตัวจัดการพลังงาน > การจัดการแอปพื้นหลัง > เพิ่ม Signal ลงในรายการแอปที่ไม่จำกัดการทำงาน หรืออนุญาตให้ Signal เริ่มทำงานอัตโนมัติ
Nokia
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > ตัวจัดการกิจกรรมพื้นหลัง > ตรวจสอบว่าปิดการใช้งานสำหรับ Signal
OnePlus
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > ไอคอนรูปเฟือง > เปิดแอปอัตโนมัติ > ให้ Signal เริ่มทำงานได้ในพื้นหลัง
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > เมนู > Aggressive Doze & App Hibernation > ปิดใช้งานโหมดนี้ หรือจัดการไม่ให้ Signal ถูกจำกัดในโหมดนี้
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > เมนู > เปิดอัตโนมัติ > ปิดใช้งานโหมดนี้ หรือจัดการไม่ให้ Signal ถูกจำกัดในโหมดนี้
Oppo
- แอป > ศูนย์ความปลอดภัย > การอนุญาตความเป็นส่วนตัว > การจัดการการเปิดอัตโนมัติ (หรือตัวจัดการการเปิดแอป) > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การจัดการแอปพลิเคชัน > แถบการทำงาน > เปิดใช้สำหรับ Signal
Samsung
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > Signal > ข้อมูลมือถือ > อนุญาตการใช้ข้อมูลพื้นหลัง
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > ความปลอดภัย > การจัดการการเริ่มต้นอัตโนมัติ > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > Wi-Fi > ขั้นสูง > เปิด Wi-Fi ไว้เสมอระหว่างพักเครื่อง
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การบำรุงรักษาอุปกรณ์ > แบตเตอรี่ > เมนู > จำกัดการใช้พลังงานของแอป > ปิดใช้งาน หรือเลือกแอปที่ต้องการให้พักการทำงานชั่วคราวโดยไปที่การตั้งค่า > การบำรุงรักษาอุปกรณ์ > แบตเตอรี่ พร้อมตรวจดูให้แน่ใจว่า Signal ไม่ได้อยู่ในรายการแอปที่ต้องการให้พักการทำงาน
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การบำรุงรักษาอุปกรณ์ > แบตเตอรี่ > โหมดประหยัดพลังงาน > ปิดใช้งานหรือปรับเป็น MID
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > รายละเอียด > Signal > ปิด
- เปิดโหมดลิ้นชัก (App Drawer) > Smart Manager > แบตเตอรี่ > รายละเอียด > Signal > ปิด
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > การใช้แบตเตอรี่ > เมนู > เพิ่มประสิทธิภาพการใช้แบตเตอรี่ > เลือก 'แอปทั้งหมด' > ปิดใช้งานสำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แบตเตอรี่ > แอปที่ไม่ได้จำกัด > เพิ่มแอป > Signal > เสร็จสิ้น > รีสตาร์ทโทรศัพท์คุณ
- Samsung 8: การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอป > เมนู > การเข้าถึงพิเศษ > เพิ่มประสิทธิภาพการใช้แบตเตอรี่ > เลือกจากรายการซึ่งน่าจะระบุว่า ‘แอปที่ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพ’ แล้วดูหัวข้อ ‘แอปทั้งหมด’ > เลื่อนหา Signal แล้วแตะที่แถบเลื่อนเพื่อปิด
- การตั้งค่า > การดูแลอุปกรณ์ > แบตเตอรี่ > เพิ่มเติม > การตั้งค่า > พักแอปที่ไม่ได้ใช้งาน > ตั้งเวลาล่วงหน้าให้เกิน 3 วัน
Sony
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > พื้นที่จัดเก็บและหน่วยความจำ > ปิดตัวเลือก 'Smart Cleaner' หรือแตะเครื่องหมายสามจุดที่มุมขวาบน > ขั้นสูง > เพิ่ม Signal ลงในรายการที่อนุญาต
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การจัดการพลังงาน > แตะโหมด STAMINA > แอปพร้อมใช้งาน > เพิ่ม Signal ลงในรายการที่อนุญาต
Vivo
- เปิดโหมดลิ้นชัก (App Drawer) > iManager > ตัวจัดการแอป > ตัวจัดการการเริ่มอัตโนมัติ > อนุญาตให้ Signal เริ่มทำงานอัตโนมัติในพื้นหลัง
Xiaomi / MIUI
- เปิดโหมดลิ้นชัก (App Drawer) > แอปความปลอดภัย > การอนุญาต > แตะทำงานอัตโนมัติ > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > บริการ > ความปลอดภัย > การอนุญาต > ทำงานอัตโนมัติ > เปิดใช้สำหรับ Signal
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > การตั้งค่าเพิ่มเติม > แบตเตอรี่และประสิทธิภาพ > จัดการการใช้แบตเตอรี่ของแอป > ปิด 'โหมดประหยัดพลังงาน' > เปิดแอปความปลอดภัย > ไปที่การอนุญาต > เพิ่ม Signal ในการทำงานอัตโนมัติ > เรียกใช้ Task Manager > ค้นหา Signal > ลากลงจนไอคอนแม่กุญแจปรากฏขึ้น
- แอปความปลอดภัยของโทรศัพท์ Android > การตั้งค่า > การใช้ข้อมูล > อนุญาตการใช้ข้อมูลพื้นหลัง
โทรศัพท์หรือระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้อยู่ในรายการ
หากโทรศัพท์หรือระบบปฏิบัติการของคุณไม่ได้อยู่ในรายการนี้ สามารถค้นหาการตั้งค่าบนโทรศัพท์ที่เฉพาะเจาะจงตามหมวดหมู่ดังต่อไปนี้
- การแจ้งเตือน
- โหมดความสำคัญสูง
- การใช้งานและการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่
- การอนุญาตสิทธิ์การทำงานพื้นหลัง
- การเปิดหรือเริ่มต้นแอปอัตโนมัติ
การตั้งค่าอื่นๆ
- แก้ไขการตั้งค่า VPN หรือไฟร์วอลล์ของคุณ
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > เพิ่มเติม (ใต้หัวข้อระบบไร้สายและเครือข่าย) > VPN จากนั้นให้ปิดใช้งาน Wi-Fi Assistant
- ตรวจสอบว่ามีการอนุญาต *.signal.org, พอร์ต TCP 80, 443 และ 31337 รวมทั้งพอร์ต UDP ทั้งหมด หากคุณมีพร็อกซีรูปแบบ Transparent หรือ Reverse พร็อกซีนั้นจำเป็นต้องรองรับโปรโตคอล WebSocket
- รีเซ็ตบัญชี Google ของคุณ
- การตั้งค่าของโทรศัพท์ Android > แอปพลิเคชัน > จัดการแอปพลิเคชัน > ทั้งหมด (ปัดขวาบนโทรศัพท์บางรุ่นสำหรับรายการนี้ หากไม่ได้อยู่ในรายการที่ระบุว่าดาวน์โหลดแล้ว)
- เลือกบริการ Google Play > ล้างข้อมูล
- เลือก Google Services Framework > ล้างข้อมูล
- เลิกเชื่อมโยงบัญชี Google ของคุณกับโทรศัพท์ชั่วคราว
- รีบูทโทรศัพท์
- เชื่อมโยงบัญชี Google ของคุณใหม่
ไอโอเอส
-
ตรวจสอบว่าคุณอนุญาตคำขอสิทธิ์การแจ้งเตือนสำหรับ Signal แล้ว
- การตั้งค่า iPhone > Signal > การแจ้งเตือน > อนุญาตการแจ้งเตือน
- อนุญาตสิทธิ์สำหรับเสียง ไอคอนป้ายกำกับแอป และแสดงบนหน้าจอล็อก
- เปิดใช้งานตัวเลือกแสดงในประวัติและแสดงเป็นแถบแจ้งเตือน
-
ตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับ Signal แล้ว
- การตั้งค่า iPhone > Signal > อินเทอร์เน็ตมือถือ
- การตั้งค่า iPhone > Signal > อินเทอร์เน็ตมือถือ
- ลงทะเบียนการแจ้งเตือนแบบพุชอีกครั้ง: การตั้งค่า Signal > การแจ้งเตือน > ลงทะเบียนอีกครั้งสำหรับการแจ้งเตือนแบบพุช > ตกลง
- ตรวจสอบว่า VPN หรือแอปอื่นๆ ของคุณไม่ได้จำกัดความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของ Signal
- ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ปิดการแจ้งเตือนสำหรับผู้ติดต่อหรือแชทกลุ่มนั้น
- ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้บล็อกผู้ติดต่อคนนั้น
- ตรวจสอบว่า Signal เดสก์ท็อปที่เชื่อมโยงอยู่ของคุณเปิดดูข้อความนั้นแล้วหรือไม่
- ตรวจสอบว่าการตั้งค่าวันและเวลาบนโทรศัพท์นั้นถูกต้องตามเขตเวลาของคุณ โดยเทียบเวลาได้ที่ https://www.time.gov/ หรือ https://time.is/
- สำหรับการแจ้งเตือนด้วยเสียง
- ตรวจสอบว่าคุณอนุญาตคำขอสิทธิ์สำหรับเสียงในการแจ้งเตือนตามที่ระบุไว้ในข้อ 1 แล้วหรือไม่
- ปิดการใช้โหมดปิดเสียง/โหมดสั่นที่ตัวเครื่อง โดยเลื่อนสวิตช์ปิดให้สีส้มไม่ปรากฏขึ้น
- ตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้งานเสียงในการตั้งค่า Signal > การแจ้งเตือน > เสียงข้อความ
- ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ปิดการแจ้งเตือนตามที่ระบุไว้ในข้อ 6
ฉันจะปิดใช้งานเสียงเมื่อส่งข้อความ แต่ยังเปิดใช้เสียงแจ้งเตือนตามปกติได้อย่างไร
ปิดใช้งานเสียงเมื่อส่งข้อความในการตั้งค่า Signal > การแจ้งเตือน > ปิดใช้งานเล่นขณะที่แอปเปิดอยู่
เดสก์ท็อป
- ดูการตั้งค่าการแจ้งเตือนของคุณได้ที่การตั้งค่า Signal > ค่ากำหนด
- ผู้ใช้ macOS จะเห็นการแจ้งเตือน "ข้อความใหม่" สำหรับข้อความที่จะหายไปทั้งหมด
- ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนของระบบปฏิบัติการของคุณ
- macOS: เลือกที่เมนู Apple > การตั้งค่าระบบ จากนั้นคลิกที่การแจ้งเตือน > เลือก Signal ในช่องซ้ายแล้วเลือกตัวเลือกที่ต้องการ
- macOS: เลือกที่เมนู Apple > การตั้งค่าระบบ จากนั้นคลิกที่การแจ้งเตือน > เลือก Signal ในช่องซ้ายแล้วเลือกตัวเลือกที่ต้องการ