ข้อมูลสำคัญ

เพื่อความเป็นส่วนตัวของคุณ ข้อความจะได้รับการจัดเก็บไว้บนอุปกรณ์เท่านั้น และ Signal จะไม่มีสำเนาประวัติการสนทนาของคุณ การติดตั้ง Signal ใหม่จะไม่กู้คืนประวัติการส่งข้อความก่อนหน้านั้น หากคุณมีอุปกรณ์เครื่องเดิม ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อถ่ายโอนประวัติการส่งข้อความไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่

ดูเพิ่มเติม 

• ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์

หากไม่ได้รับรหัสยืนยัน
เมื่อได้รับรหัสยืนยันแล้ว อย่าเปิดเผยรหัสนี้กับใคร

• ตรวจสอบว่าคุณอยู่ในพื้นที่ให้บริการของเครือข่ายมือถือและสามารถรับข้อความ SMS ได้
• ตรวจสอบว่าคุณสามารถรับสายที่โทรเข้ามายังหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว
• ตรวจสอบว่าคุณกรอกหมายเลขโทรศัพท์ถูกต้องแล้ว
• ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ตั้งค่าบล็อกข้อความจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก
• กรอกหมายเลขโทรศัพท์ในรูปแบบเบอร์โทรระหว่างประเทศ โดยไม่ต้องใส่เลข 0 นำหน้า
  • สำหรับรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล หมายเลขโทรศัพท์ควรขึ้นต้นด้วย +5521
  • สำหรับประเทศอาร์เจนตินา หมายเลขโทรศัพท์ควรขึ้นต้นด้วย +549
• ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อยืนยันว่าคุณไม่เคยตอบกลับด้วย "STOP" ในข้อความจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก หรือไม่เคยยกเลิกการรับแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือการทำธุรกรรม
• หากผู้ให้บริการของคุณคือ T-Mobile, Metro PCS, Google Fi (โดยใช้ T-Mobile) หรือบริการอื่นๆ ภายใต้การดูแลของ T-Mobile
  • วิธีรับรหัสยืนยันผ่านทาง SMS
    • Call #611# แล้วขอให้ตัวแทนช่วยลบรหัส "Shortcode Blacklist" ของบัญชีคุณ
  • วิธีรับรหัสยืนยันผ่านการโทร
    • โทรไปที่ #632# เพื่อปิดใช้งานการบล็อกสแกม (Scam Block)
    • ผู้ใช้ iOS ให้ไปที่การตั้งค่า iOS > โทรศัพท์ > ปิดใช้งานการปิดเสียงผู้โทรที่ไม่รู้จัก
  • ผู้ใช้ Google-Fi สามารถสลับผู้ให้บริการเบื้องหลังได้ กดรหัสทางลัดด้านล่างนี้เพื่อสลับผู้ให้บริการการเชื่อมต่อ Fi ของคุณ
    • ดูข้อมูลผู้ให้บริการปัจจุบัน: ##fiinfo##
    • สลับไปใช้ T-Mobile: ##fitmo##
    • สลับไปใช้ Sprint: ##fispr##
    • สลับไปใช้ US Cellular: ##fiusc##
    • สลับกลับไปที่รูปแบบอัตโนมัติ: ##fiauto##

วิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการลงทะเบียนเพิ่มเติม

• แอนดรอยด์
• iOS
• เดสก์ท็อป

Android

เมื่อได้รับรหัสยืนยันแล้ว อย่าเปิดเผยรหัสนี้กับใคร

1. ตรวจสอบว่าคุณใช้ Signal เวอร์ชันล่าสุด
2. อนุญาตคำขอสิทธิ์ทั้งหมดสำหรับ Signal ด้วยการตั้งค่าบนโทรศัพท์ Android ของคุณ ในกรณีที่อนุญาตไว้แล้ว ให้ลองปิดใช้งานสิทธิ์แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง แล้วรีสตาร์ทโทรศัพท์ 
3. อัปเดตแอปบริการ Google Play บนโทรศัพท์
4. ปิดใช้งานแอป VPN หรือตรวจสอบว่ามีการอนุญาต *.signal.org และพอร์ต TCP 443 หรือไม่
5. หากลองหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ ให้รอสักระยะหนึ่ง (1 ชั่วโมง, 1 วัน เป็นต้น) แล้วค่อยลองลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง
6. ตรวจสอบว่าคุณมีพื้นที่ว่างบนโทรศัพท์ (ส่วนความจุน้อย) และไม่ใช่บนการ์ด SD (ส่วนความจุมาก) เนื่องจากความแตกต่างนี้อาจแยกได้ยากบนอุปกรณ์รุ่นเก่า โดยคุณสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้ด้วยการถอนการติดตั้งแอปที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
7. ตรวจสอบรายการการตั้งค่าตามรุ่นโทรศัพท์ แล้วดูว่าโทรศัพท์คุณเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
   • Signal ไม่อยู่ในรายการแอปที่จะปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อทำงานอยู่พื้นหลัง
   • Signal อยู่ในรายการแอปที่ได้รับสิทธิ์ให้เปิดตัวเอง
   • Signal มีขั้นตอนการเปิดใช้งานเฉพาะบนโทรศัพท์ Huawei
     - การตั้งค่า > แอป > แอป > Signal > รายละเอียดการใช้พลังงาน > เปิดแอป > ตั้งให้จัดการด้วยตัวเอง > เปิดใช้งานการเปิดแอปอัตโนมัติ, การเปิดจากแอปอื่น & ทำงานเป็นแอปพื้นหลัง
   • Signal และบริการ Google Play มีขั้นตอนการเปิดใช้งานเฉพาะบนโทรศัพท์ Xiaomi
     - ความปลอดภัย > การอนุญาต > เปิดอัตโนมัติ > อนุญาต
     - การตั้งค่า > ทั้งหมด > ตัวจัดการการเปิดแอป > อนุญาต 

iOS

เมื่อได้รับรหัสยืนยันแล้ว อย่าเปิดเผยรหัสนี้กับใคร

1. ตรวจสอบว่าคุณใช้ Signal เวอร์ชันล่าสุด
2. ปิดใช้งานแอป VPN หรือแอปจัดการข้อมูลของคุณ หรือตรวจสอบว่ามีการอนุญาต *.signal.org และพอร์ต TCP 443 หรือไม่ 
3. ตรวจสอบแอปข้อความของคุณว่ามีข้อความขาเข้าจากผู้ส่งที่ไม่รู้จักหรือไม่ หรือปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยไปที่การตั้งค่า iOS > ข้อความ > ฟิลเตอร์ผู้ส่งที่ไม่รู้จัก
4. อนุญาตคำขอสิทธิ์ทั้งหมดโดยไปที่การตั้งค่า iPhone > Signal
5. หากลองหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ ให้รอสักระยะหนึ่ง (1 ชั่วโมง, 1 วัน เป็นต้น) แล้วค่อยลองลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง
6. หากเห็นรหัส Error 0 ให้ดูที่ข้อ 1-4 ด้านบน

เดสก์ท็อป

Signal เดสก์ท็อปจะต้องเชื่อมโยงกับ Signal Android หรือ Signal iOS จึงจะสามารถส่งและรับข้อความได้